รวมเทคนิกซักผ้าหอมๆ แบบไม่ต้องง้อแดดในวันฝนตกกระหน่ำ

ในวันที่ฟ้าฝนเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเดือนพฤษภาคมแบบนี้ เราเชื่อว่าหลายคนคงเผชิญปัญหาแบบเดียวกัน นั่นคือทุกครั้งที่ซักผ้าแล้วฟ้าจะครึ้ม เมฆดำเริ่มลอยต่ำ และทันทีที่หยิบผ้าขึ้นมาตากได้ไม่นาน ฝนก็กระหน่ำตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ครั้นหิ้วผ้าเข้ามาตากในบ้านก็มีกลิ่นอับติดผ้าเสียอีก แต่จะไม่ซักก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ทำให้ใครหลายคนแก้ปัญหาด้วยน้ำหอม
เราไม่เถียงว่าการประโคมน้ำหอมใส่เสื้อผ้า ช่วยแก้ปัญหากลิ่นเหม็นอับจากการตากผ้าในบ้านได้ แต่วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ค่อนข้างจะปลายเหตุไปเสียหน่อย เราจึงเตรียมเทคนิกการซักผ้าในวันฝันตกดีๆ มาแนะนำกัน
อันดับแรกไม่ใช่การปักตะไคร้ฤกษ์เอาชัย แต่เป็นการแยกผ้าที่เริ่มมีกลิ่นอับออกมาก่อน แต่หากไม่อยากแยกให้เสียเวลาก็ไม่ว่ากัน จากนั้นให้นำผ้าเหล่านั้นไปแช่น้ำส้มสายชูหรือไม่ก็สารส้มทิ้งไว้สัก 6 ชั่วโมง ซึ่งขั้นตอนนี้ค่อนข้างใช้เวลานาน ดังนั้นควรแช่ทิ้งไว้ก่อนนอนจะดีที่สุด (ความจริงคือสะดวกเวลาไหนก็แช่เวลานั้น)

เมื่อครบ 6 ชั่วโมงเรียบร้อยแล้ว ให้น้ำผ้าขึ้นมาบิดน้ำออกให้หมด จากนั้นก็เป็นการเข้าสู่ขั้นตอนของการซักผ้า เพียงแต่การซักผ้าในครั้งนี้ อาจจะต่างไปจากวิธีการที่ใครหลายคนเคยชินสักหน่อย เพราะเราไม่ใช้ผงซักฟอกในการซัก เพราะผงซักฟอกส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดตามท้องตลาดผสมแป้ง เมื่อซักแล้วผ้าไม่แห้งตามเวลาที่เหมาะสม จะส่งผลให้แป้งเน่าและส่งกลิ่นติดเนื้อผ้า ซึ่งนั่นคือที่มาของกลิ่นอับ
ดังนั้นสิ่งที่เราจะใช้ในการซักผ้าเมื่อเวลาฝนตกคือ เบคกิ้งโซดา ซึ่งมีคุณสมบัติในการขจัดคราบและความสกปรกได้ไม่ต่างจากผงซักฟอก เพียงแต่จะไม่มีฟองเท่านั้นเอง ข้อดีอีกอย่างคือล้างออกง่ายกว่าผงซักฟอกหลายเท่า
กระบวนการหลังจากนั้นก็เป็นการนำเสื้อผ้า มาล้างเบคกิ้งโซดาออกด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด ส่วนใครอยากจะใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มเติม ก็ขอแนะนำให้เลือกใช้สูตรซักผ้าในที่ร่ม ไม่เช่นนั้นไม่ใส่เลยจะเป็นการดีกว่า เหมือนกับ เกมส์ตกปลา เป็นต้น
สำหรับขั้นตอนการตากก็ไม่มีอะไรมาก ขอแค่ตากให้ห่างกันพอประมาณ ไม่ควรให้ชิดกันจนเกินไปนัก จากนั้นก็เปิดพัดร่มเป่าเบาๆ และเปิดไฟในห้องทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รับรองว่าผ้าที่ได้จะไม่มีกลิ่นเหม็นอับอีกต่อไป